วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

MMM(98) light-near dissociation

light-near dissociation ชนิดที่หนึ่ง
Douglas Moray Cooper Lamb Argyll Robertson (1837-1909)

เกิดในปี ค.ศ. 1837 ที่กรุง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์
เขาเกิดในตระกูลแพทย์ บิดาของเขาคือ John Argyll Robertson (1800–1855) ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ทั่วไปที่สนใจด้านการผ่าตัดตา ลุงสองคนรวมถึงน้องชายของเขาทุกคนล้วนเป็นแพทย์
เขาจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่ง St Andrews สกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1857 เนื่องจากได้แรงบันดาลใจจากบิดาจึงเดินทางไปยังกรุงเบอร์ลินเพื่อศึกษากับจักษุแพทย์ชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียง Friedrich Wilhelm Ernst Albrecht von Graefe (22 พ.ค. 1828 20 ก.ค. 1870)
เขาทำงานที่ Edinburgh Royal Infirmary โดยเป็นศัลยแพทย์คนแรก ๆ ในสกอตแลนด์ที่ผ่าตัดเฉพาะด้านจักษุวิทยา
ค.ศ. 1862 เขาได้เป็น Fellow of the Royal College of Surgeons of Edinburgh
ค.ศ. 1863 เขานำสาร physostigmine ที่สกัดได้จากถั่ว Calabar (Physostigma venenosum) มาหยอดตาตัวเองพบว่ามีฤทธิ์ทำให้รูม่านตาหดตัว
ค.ศ. 1869 เขาบรรยายในบทความ 2 ฉบับว่า “I could not observe any contraction of either pupil under the influence of light, but, on accommodating the eyes for a near object, both pupils contracted.” หมายถึงผมสังเกตว่ารูม่านตาทั้งสอง 2 ข้างไม่ตอบสนองต่อแสงแต่ตอบสนองต่อการมองใกล้
ทราบกันตั้งแต่ตอนสิ้นศตวรรษที่ 18 แล้วว่าผู้ป่วย tabes dorsalis และ dementia paralytica จะมีรูม่านตาทั้งสองข้างเล็กและไม่ตอบสนองต่อแสง แต่มารู้จักกันอย่างมากจากบทความนี้ซึ่งเพิ่มเติมว่า Accommodation reflex ไม่ผิดปกติ สิ่งนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า Argyll Robertson pupils ซึ่งเป็น “Pathognomonic sign” ในผู้ป่วย tebes dorsalis, dementia paralytica และ meningovascular syphilis (เนื่องจากพบมากในโสเภณีเมื่อก่อนจึงมีชื่อว่า Prostitute’s pupils)
กลไกเกิดจากมีการทำลายเซลล์ที่ Pretectal area ใน midbrain ซึ่งทำให้กระแสประสาท Parasympathetic pathway จากจอประสาทตาไม่สามารถผ่านมายัง Pretectal nucleus เพื่อส่งต่อไปยัง Edinger-Westpal nucleus ได้ เป็นผลให้รูม่านตาสูญเสียทั้ง Consensual และ Direct light reflex โดยที่ Accommodation reflex ไม่ผิดปกติ (light-near dissociation นั่นเอง)
ค.ศ. 1883 เขาสอนวิชาจักษุวิทยาที่มหาวิทยาลัยแห่ง Edinburgh
ค.ศ. 1886 เขาเป็นจักษุแพทย์ประจำองค์ราชินีวิคตอเรียและพระเจ้า Edward VII
เขาเกษียณในปี ค.ศ. 1897
ค.ศ. 1904 ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพเขาต้องย้ายไปอยู่ที่ Island of Jersey
ค.ศ. 1908 เขาเดินทางไปประเทศอินเดีย แต่เกิดติดเชื้อหวัดที่เมือง Gondal จนทำให้เขาเสียชีวิตที่นั่นในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1909
light-near dissociation ชนิดที่สอง
สาเหตุของ light-near dissociation อีกอย่างคือ dorsal midbrain syndrome (Parinaud’s syndrome) ซึ่งบรรยายโดยจักษุแพทย์ชาวฝรั่งเศส Henri Parinaud (1844-1905) ในปี ค.ศ. 1883
light-near dissociation ชนิดที่สาม
ค.ศ. 1881 John Hughlings Jackson (4 เม.ย. 1835 - 7 ต.ค. 19111) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทชาวอังกฤษบรรยายผู้ป่วยที่มีรูม่านตาขยาย (มักเป็นข้างเดียว), มี light-near dissociation ร่วมกับสูญเสีย deep tendon reflex
ค.ศ. 1902 แพทย์ชาวเยอรมัน Max Nonne (13 ม.ค. 1861 - ? ? 1959), Alfred Saenger (28 พ.ค. 1860 – 18 พ.ค. 1921) และ Julius Strasberger แสดงให้เห็นว่าภาวะนี้ไม่ได้เกิดจากโรคซิฟิลิส
ค.ศ. 1926 แพทย์ชาวฝรั่งเศส Georges Weill (1866–1952) และ Louis Reys บรรยายว่าภาวะนี้เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ
ค.ศ. 1931 Adie บรรยายผู้ป่วย 19 ราย (สูญเสีย tendon reflex 13 ราย) และกล่าวถึงผู้ป่วยที่มีรายงานอีก 44 ราย เขาเห็นเช่นเดียวกันว่าภาวะนี้เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ
ค.ศ. 1934 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทชาวฝรั่งเศส Jean Alexandre Barré (25 พ.ค. 1880 –26 เม.ย. 1967) ตั้งชื่อโรคนี้ว่า ”syndrome d’Adie (Adie's syndrome) ซึ่งเกิดความเสียหายที่ postganglionic fibers ของ parasympathetic neuron ใน ciliary ganglion ทำให้รูม่านตาขยายและมี light-near dissociation สิ่งนี้เรียกว่า Adie's pupil
ทศวรรษ 1950 จากการสังเกตอย่างละเอียดของจักษุแพทย์ชาวเยอรมัน Irene E. Loewenfeld (? ? 1921 – 9 ต.ค. 2009) พบว่ารูม่านตาสองแบบนี้ตอบสนองต่อการมองใกล้แตกต่างกัน โดย Argyll Robertson pupils รูม่านตาจะหดตัวแรงและเร็ว ส่วน Adie's pupil นั้นจะช้าและนาน
William John Adie (1886-1935)

เกิดวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1886 ที่เมือง Geelong ทางตะวันตกของกรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
เขาเรียนที่ Flinder's School แต่เนื่องจากบิดาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1899 Adie ในวัย 13 ปีจึงต้องออกจากโรงเรียนไปทำงานหาเงินช่วยเหลือทางบ้าน โดยไปเป็นเด็กรับใช้ในสำนักงาน
หนึ่งในนายจ้างเห็นความสามารถในการเรียนรู้ของเขาจึงสนับสนุนทุนให้เรียนในภาคค่ำจนกระทั่งสอบผ่านเข้ามหาวิทยาลัยได้ Arthur South แพทย์ในเมือง Geelong เป็นแรงบันดาลใจให้เขาตัดสินใจเรียนแพทย์
เนื่องจากการเรียนแพทย์ที่เมลเบิร์นแพงมาก ลุงของเขาที่บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงให้ทุนแก่เขาเดินทางไปอังกฤษ ในที่สุดเขาก็ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่ง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์ และจบ M.B. Ch.B. ในปี ค.ศ. 1911 เขาสนใจด้านประสาทวิทยาและรับทุนไปทำงานที่กรุงเบอร์ลิน, กรุงเวียนนา, Munich และกรุงปารีส เป็นเวลาหนึ่งปี จากนั้นก็กลับมาประจำที่ National Hospital for the Paralysed and Epileptic ที่ Queen Square ในกรุงลอนดอน
ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเขาร่วมรบที่ประเทศฝรั่งเศส เขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาประจำ 7th General Hospital
ค.ศ. 1916 เขาแต่งงานกับ Lorraine Bonar ซึ่งเจอกันที่ Edinburgh ทั้งสองมีบุตรด้วยกันสองคน บุตรชายหนึ่งคนและบุตรสาวหนึ่งคน
หลังสิ้นสุดสงครามโลกเขาทำงานที่โรงพยาบาล Charing Cross ต่อมาทำงานที่ National Hospital for Nervous Diseases ที่ Queens Square และโรงพยาบาลจักษุ Moorfields ในกรุงลอนดอน
ค.ศ. 1926 เขาได้รับเหรียญทองจากมหาวิทยาลัยแห่ง Edinburgh และเป็น Fellowship of the Royal College of Physicians
ค.ศ. 1931 เขาบรรยาย light-near dissociation ชนิดที่สองซึ่งต่อมาเรียกว่า Adie's syndrome
ค.ศ. 1932 เขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Association of British Neurologists
เขาเริ่มมีอาการเจ็บเค้นอก (angina pectoris) ตอนอายุ 45 ปี ต่อมา ค.ศ. 1935 เขาจำเป็นต้องเกษียณเนื่องจากปัญหาสุขภาพและในที่สุดก็เสียชีวิตจากกล้ามเนื้อหัวใจตายในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1935
หมายเหตุ Argyll Robertson pupils และ Parinaud’s syndrome ผิดปกติที่ก้านสมองแต่ Adie's pupil ผิดปกติที่ ciliary ganglion

ไม่มีความคิดเห็น: