วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

MMM(118) Jarvik 7

Robert Koffler Jarvik (born 1946)


เกิดวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1946 ที่มิดแลนด์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐฯ

เป็นบุตรชายของ Norman Eugene Jarvik กับ Edythe Koffler Jarvik

เขาเติบโตที่สแตมฟอร์ด รัฐคอนเนตทิคัต

เขาจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัย Syracuse จบปริญญาโทด้านวิศวกรรมการแพทย์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก จากนั้นก็เรียนต่อที่โรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์

ค.ศ. 1971 เขาทำงานให้กับ Willem Johan “Pim” Kolff (14 ก.พ. 1911 – 11 ก.พ. 2009) ศัลยแพทย์ชาวอเมริกัน-ดัทช์ผู้คิดค้นเครื่องฟอกไตสำเร็จเป็นคนแรกในปี ค.ศ. 1943 และบุกเบิกการประดิษฐ์หัวใจเทียมในปี ค.ศ. 1957 ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น Tetsuzo Akutsu (20 ส.ค. 1922 9 ส.ค. 2007) โดย Kolff เป็นหัวหน้าหน่วยอวัยวะเทียมที่มหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์

Jarvik จบแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์ในปี ค.ศ. 1976 แต่ไม่จบ internship และไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม

ด้วยความช่วยเหลือของศัลยแพทย์ทรวงอกชาวอเมริกัน Henry Jay Heimlich (เกิด 3 ก.พ. 1920) ทำให้ Paul Winchell (21 ธ.ค. 1922 – 24 มิ.ย. 2005) นักแสดงและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันออกแบบหัวใจเทียมและได้รับการจดสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1963 (แต่ไม่ใช่คนแรกอย่างที่บางคนเข้าใจผิด) ต่อมาเขามอบสิทธิบัตรนี้ให้กับ Kolff ที่มหาวิทยาลัยแห่งยูทาห์

Donald Lyman พัฒนาหัวใจเทียมที่ไม่เป็นอันตรายต่อเม็ดเลือดแดง Clifford Kwan-Gett ออกแบบภายในห้องหัวใจให้เรียบและไม่มีรอยต่อเพื่อไม่ให้เสียงต่อการเกิดลิ่มเลือด Jarvik ปรับปรุงหลายจุดเพื่อให้เหมาะกับร่างกายมนุษย์ หัวใจเทียมรุ่นใหม่นี้จึงมีชื่อว่า Jarvik สัตวแพทย์ Donald Olsen รับผิดชอบการทดลองในสัตว์และพัฒนาเทคนิคการผ่าตัด

ค.ศ. 1976 จากการทดสอบ Jarvik 5 ในลูกวัว "Abebe" พบว่ามีชีวิตอยู่ได้นาน 184 วัน

ค.ศ. 1981 จากการทดสอบ Jarvik 5 ในลูกวัว "Alfred Lord Tennyson" พบว่ามีชีวิตอยู่ได้นาน 268 วัน ต่อมาพัฒนาเป็น Jarvik 7

2 ธันวาคม ค.ศ. 1982 William C. DeVries (เกิด 19 พ.ย. 1943) ศัลยแพทย์หัวใจชาวอเมริกันร่วมกับ Lyle Joyce ทดลองผ่าตัด Jarvik 7 ให้กับมนุษย์เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยแห่ง Utah โดยผู้ป่วยชื่อ Barney Bailey Clark (เกิด 21 ม.ค. 1921) เป็นทันตแพทย์วัย 61 ปี การผ่าตัดกระทำผ่านทางหน้าท้อง หลังผ่าตัดผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้นาน 112 วัน

ผลที่ได้ทำให้ Jarvik 7 โด่งดังไปทั่วโลก เพราะว่ามีผู้ป่วยที่รอรับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจมากกว่าผู้ที่บริจาค บางรายจึงเสียชีวิตไปก่อนจะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ Jarvik 7 เป็นความหวังที่จะยืดชีวิตผู้ป่วยให้ยืนยาวต่อไปจนกระทั่งได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ (bridge for transplantation)

ค.ศ. 1983 Jarvik ก่อตั้งบริษัท Symbion, Inc. เพื่อผลิตหัวใจเทียม Jarvik 7

สิงหาคม ค.ศ. 1985 Jack Copeland ที่ University Medical Center (UMC) ใน Tuscon รัฐแอริโซนา เป็นศัลยแพทย์คนแรกที่ทำให้ Jarvik 7 เป็น bridge for transplantation จริง ๆ โดย Michael Drummond ผู้ป่วยวัย 25 ปีผ่าตัดใส่ Jarvik 7 เป็นเวลา 9 วันก่อนจะได้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ

ต่อมา DeVries ไปเป็นสตาฟที่โรงพยาบาล Humana ในหลุยส์วิลล์ รัฐเคนทักกี เขาทำการผ่าตัด Jarvik 7 ให้กับผู้ป่วยอีกสี่รายในช่วงปี ค.ศ. 1984 1985 หนึ่งในนั้นคือ William J. Schroeder

Schroeder ได้รับการผ่าตัดใส่ Jarvik 7 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1985 หลังการผ่าตัด 18 วันเขาก็เกิด stroke ครั้งแรกและเกิดซ้ำ ๆ จนเป็นผัก (vegetative state) ในช่วงเจ็ดเดือนสุดท้ายของชีวิต เขามีชีวิตอยู่ได้จนกระทั่งเสียชีวิตจากปอดติดเชื้อเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1986 รวมเวลาทั้งสิ้น 620 วันหลังผ่าตัด ถือเป็นผู้ป่วยผ่าตัดหัวใจเทียมที่มีชีวิตอยู่ได้นานที่สุด

แต่เมื่อโลกรับรู้ว่า Schroeder มีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมาน ประกอบกับผู้ป่วยอีกหลายรายที่ใช้เครื่องนี้ก็ไม่ทำให้อาการดีขึ้น ชื่อ Jarvik 7 จากพระเอกก็กลายเป็นผู้ร้ายทันทีและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก (แต่ไม่ได้ถูกแบนอย่างที่บางคนเข้าใจผิด)

ค.ศ. 1986 บริษัท Symbion, Inc. ถูก takeover เขาจึงไปก่อตั้งบริษัท Jarvik Heart, Inc. และหันไปผลิต Left Ventricular Assist Device (LVAD) ที่ชื่อ Jarvik 2000 แทน

ค.ศ. 1987 Jarvik แต่งงานกับ Marilyn vos Savant (เกิด 11 ส.ค. 1946) นักเขียนชาวอเมริกันเจ้าของคอลัมน์ Ask Marilyn ในแมกกาซีน Parade เธอมีชื่อเสียงจากการได้รับบันทึกในหนังสือกินเนสว่าเป็นบุคคลที่มี IQ สูงที่สุด

ค.ศ. 1990 บริษัท Symbion, Inc. ถูกปิดเนื่องจากทำผิดกฎของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ ไม่ได้ถูกปิดเพราะ Jarvik 7 ล้มเหลว (ขณะนั้นมันถูกใช้กับผู้ป่วยไปแล้ว 198 รายและประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่)

ค.ศ. 1991 เพื่อรักษาเทคโนโลยีนี้ไว้ University Medical Center (UMC) ร่วมมือกับ MedForte Research Foundation ก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ CardioWest Technologies, Inc. รับลิขสิทธิ Jarvik 7 จาก Symbion, Inc. มาพัฒนาต่อและตั้งชื่อใหม่ว่า CardioWest Total Artificial Heart ปีต่อมา UMC ก็ขออนุญาตต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ เพื่อทำ pivotal clinical study ของหัวใจเทียมนี้

ค.ศ. 2001 Jack Copeland ร่วมกับ Marvin J. Slepian และวิศวกรชีวการแพทย์ Richard G. Smith ก่อตั้งบริษัท SynCardia Systems, Inc. ให้ทุนสนับสนุนอุปกรณ์นี้

ค.ศ. 2002 pivotal clinical study เสร็จสมบูรณ์

ค.ศ. 2004 ผลการวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร New England Journal of Medicine พบว่า 79 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยมีชีวิตรอดจนได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ

15 ตุลาคม ค.ศ. 2004 อุปกรณ์นี้เป็นหัวใจเทียมชนิดแรกที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ โดยชื่อที่จดทะเบียนคือ SynCardia temporary CardioWest Total Artificial Heart จนถึงปัจจุบันหัวใจเทียมนี้ทำหน้าที่เป็น bridge for transplantation ให้แก่ผู้ป่วยแล้วกว่า 800 รายทั่วโลก

Jarvik ยังมีชีวิตอยู่และพึ่งผ่านครบรอบ 64 ปีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง

ไม่มีความคิดเห็น: