Theodor Escherich (1857-1911)
เกิดวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1857 ที่เมือง Ansbach, Mittelfranken, Bavaria ประเทศเยอรมนี
เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของ Kreismedizinalrat Ferdinand Escherich นักสถิติทางการแพทย์ กับ Maria Sophie Frieder บุตรสาวของนายพันในกองทัพบกของ Bavaria
หลังจบการศึกษาจาก Jesuit seminary Stella Matutina ใน Feldkirch ประเทศออสเตรีย เขาก็เริ่มเรียนแพทย์ในปี ค.ศ. 1876 ที่เมือง Strassburg ประเทศฝรั่งเศส จากนั้นก็เรียนแพทย์ต่อที่มหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนีทั้ง Kiel, Berlin, Würzburg และจบแพทย์ที่เมือง Munich ในปี ค.ศ. 1881
ค.ศ. 1882 เขาเป็นผู้ช่วยของCarl Jakob Adolf Christian Gerhardt (5 พ.ค. 1833 - 22 ก.ค. 1902) อายุรแพทย์ชาวเยอรมันที่โรงพยาบาล Julius ในเมือง Würzburg ซึ่งเป็นผู้กระตุ้นให้ Escherich สนใจด้านกุมารเวชศาสตร์รวมถึงด้านแบคทีเรียวิทยา
เนื่องจากที่ประเทศเยอรมนีไม่มีศักยภาพในการเทรนด้านกุมารเวชศาสตร์ เขาจึงไปเทรนที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสและกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
เขาเทรนที่โรงพยาบาลเด็ก St. Anna ภายใต้ Hermann Widerhofer (1832-1901) และ ค.ศ. 1885 เทรนที่โรงพยาบาลเด็ก Hauner ภายใต้ Heinrich von Ranke (1830-1909)
เขามั่นใจว่าแบคทีเรียวิทยาเป็นสาขาที่จะช่วยกำจัดปัญหาในเด็กได้มากมาย ที่เมือง Munich เขาได้เรียนเรื่องการเพาะเชื้อและจำแนกเชื้อจาก Wilhelm Frobenius ลูกศิษย์ของ Heinrich Hermann Robert Koch (11 ธ.ค. 1843 – 27 พ.ค. 1910) แพทย์ชาวเยอรมันที่ถือเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งวิชาแบคทีเรียวิทยา
ค.ศ. 1885 เขาศึกษาสาเหตุของการเกิดโรคของลำไส้ที่รุนแรงจนถึงชีวิตในเด็ก จากการตรวจอุจจาระของคนที่สุขภาพดี เขาค้นพบแบคทีเรียรูปแท่งซึ่งพบมากในลำไส้ใหญ่ส่วน colon จึงตั้งชื่อว่า Bacillus communis coli
เขาเป็นเจ้าของ Escherich's reflex ที่ว่าเมื่อกระตุ้นเยื่อบุของริมฝีปากจะทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อริมฝีปาก และเป็นเจ้าของ Escerhich’s sign ที่ว่าเมื่อเคาะผิวหนังบริเวณมุมปากจะทำให้ริมฝีปากยื่นออกมา
ค.ศ. 1886 เขาได้รับตำแหน่ง Privatdozent ด้านกุมารเวชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่ง Munich
ค.ศ. 1890 เขาได้รับตำแหน่ง professor extraordinary ด้านกุมารเวชศาสตร์ที่ Karl-Franz University of Graz ประเทศออสเตรียต่อจากแพทย์ชาวออสเตรีย Rudolf von Jaksch (1855-1947) และ 4 ปีต่อมาเขาก็ได้รับตำแหน่ง professor ordinary
ขณะทำงานอยู่ Graz เขาแต่งงานกับ Margaretha Pfaundler บุตรสาวของนักฟิสิกส์ Leopold Pfaundler
ค.ศ. 1902 เขาได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่โรงพยาบาลเด็ก St. Anna ในกรุงเวียนนาต่อจาก Hermann Widerhofer
เขาเสียชีวิตที่กรุงเวียนนา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1911
เพื่อเป็นเกียรติแก่ Escherich ค.ศ. 1895 Migula ตั้งชื่อแบคทีเรีย Bacillus communis coli ว่า Escherichia coli และในปี ค.ศ. 1919 ตำรา Manual of Tropical Medicine ของ Aldo Castellani (8 ก.ย. 1874 – 3 ต.ค. 1971) และ Albert John Chalmers (1870 - 1920) ก็ใช้ชื่อเชื้อนี้ว่า Escherichia coli เช่นกันและกลายเป็นชื่อที่ยอมรับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา
การจำแนกชนิดของ E. coli จะใช้แอนติเจน (antigen) ที่ผิวของเชื้อซึ่งมีอยู่ 3 อย่างคือ O, K และ H เป็นตัวย่อจากศัพท์ภาษาเยอรมัน โดย "O" มาจาก “ohne Hauch” แปลว่า “ปราศจากเยื่อบาง ๆ” เป็นแอนติเจนของตัวเชื้อ "H" มาจาก “Hauch” เป็นแอนติเจนของส่วนหาง (flagella) ส่วน “K” มาจาก “Kapsel” เป็นแอนติเจนของแคปซูล
ค.ศ. 1922 ทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดแยกเชื้อ E. coli K-12 ได้จากอุจจาระของมนุษย์ เมื่อผ่านการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการหลายปีทำให้มันสูญเสีย O antigen ไปจึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ในเวลาต่อมามันถูกนำไปใช้วิจัยด้านพันธุศาสตร์จนค้นพบสิ่งสำคัญต่าง ๆ มากมาย
E. coli ส่วนใหญ่ไม่อันตรายต่อมนุษย์ แต่ว่า E. coli O157:H7 เป็น serotype ที่ก่อให้เกิดโรครุนแรงซึ่งรู้จักกันในชื่อ Hemolytic-uremic syndrome (HUS) เชื้อนี้ทราบจากการระบาดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1982 ใน 4 รัฐฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ มีผู้ป่วย 732 ราย โดยมีเด็กเสียชีวิต 4 ราย จากการสืบค้นพบว่าต้นเหตุมาจากแฮมเบอร์เกอร์ของเครือข่ายร้านฟาสต์ฟู้ดติดเชื้อและปรุงไม่สุกดี ผลการจำเพาะเชื้อในปี ค.ศ. 1983 พบว่าเป็น E. coli serotype O157:H7 (อันที่จริง serotype นี้เคยแยกได้จากผู้ป่วยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975 แล้ว) เนื่องจากเชื้อนี้สามารถพบได้ในลำไส้ของวัวสุขภาพดี การระบาดของโรคส่วนใหญ่จึงมักเกิดจากแฮมเบอร์เกอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น