Sir John Charnley (1911-1982)
เกิดวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1911 ที่ Bury, Lancashire ประเทศอังกฤษ
บิดาของเขา Arthur เป็นนักเคมี มารดาของเขา Lily เป็นพยาบาลที่โรงพยาบาล Crumpsall ในเมืองแมนเชสเตอร์ เขามีน้องสาวหนึ่งคนคือ Mary Clare
เขาเรียนที่ Bury Grammar School จากนั้นก็เข้าเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัย Victoria เมืองแมนเชสเตอร์ในปี ค.ศ. 1929 และจบในปี ค.ศ. 1935
ค.ศ. 1936 เขาเป็น Fellow of the Royal College of Surgeons ที่โรงพยาบาล Guy ในกรุงลอนดอนด้วยวัยเพียง 25 ปี เป็นแพทย์อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเกียรตินี้
วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1937 เขาเริ่มเรียนด้านศัลยกรรมทั่วไปที่โรงพยาบาลหลวง Salford หนึ่งปีต่อมาเขาก็ไปเรียนสรีรวิทยากับศาสตราจารย์ R. J. S. McDowall ที่วิทยาลัย Kings ในกรุงลอนดอนซึ่งเขาได้รับตำแหน่ง demonstrator ด้านสรีรวิทยาในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1938
ค.ศ. 1939 เขากลับไปเทรนต่อที่ Manchester Royal Infirmary ซึ่งเขาได้สัมผัสออร์โธปิดิคส์เป็นครั้งแรก แต่การเรียนต้องสะดุดลงในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1939 เนื่องจากเกิดสงคราม
เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1940 เขาอาสาสมัครเข้า Royal Army Medical Corps ในตำแหน่งร้อยโทและต่อมาได้เลื่อนยศจนเป็นพันตรี
ตอนเขาประจำการที่อียิปต์ Dudley Buxton ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิคส์ที่ปรึกษาของ Middle East forces เปิดวอร์ดออร์โธปิดิคส์หมายเลข 4 และมอบหมายให้ Charnley เป็นผู้ดูแล
หลังสิ้นสุดสงคราม ค.ศ. 1946 เขากลับไปยัง Manchester ตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ออร์โธปิดิคส์ชาวอังกฤษ Sir Harry Platt (1886-1986) แม้ Charnley จะได้รับประสบการณ์มากจากสงครามแต่ในด้านปกตินั้นยังมีประสบการณ์น้อย Platt จึงส่งเขาไปฝึกเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลออร์โธปิดิคส์ Robert Jones and Agnes Hunt ที่ Gobowen ใกล้ Oswestry ใน Shropshire เป็นเวลาหกเดือน
ค.ศ. 1947 เขาทำงานประจำที่ Manchester Royal Infirmary และเป็นศัลยแพทย์ออร์โธปิดิคส์ชั่วคราวที่โรงพยาบาล Park ใน Davyhulme ต่อมา ค.ศ. 1949 เขายังเป็นศัลยแพทย์ออร์โธปิดิคส์ชั่วคราวที่โรงพยาบาล Wrightington ใกล้ Wigan อีกด้วย
ค.ศ. 1950 เขาตีพิมพ์ตำราที่ชื่อ “The Closed Treatment of Common Fractures” เป็นครั้งแรกและตีพิมพ์ตำราชื่อ “Compression Arthrodesis” ในปี ค.ศ. 1953
ค.ศ. 1957 เขาแต่งงานกับ Jill Heaver (Lady Charnley) ทั้งสองมีบุตรด้วยกันสองคนคือ Tristram และ Henrietta
ค.ศ. 1958 เขาตัดสินใจมุ่งไปที่การวิจัยเพื่อพัฒนาการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก และในปี ค.ศ. 1962 เขาย้ายไปประจำที่โรงพยาบาล Wrightington
ความล้มเหลวของงานวิจัยครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้ทำให้เขาท้อถอยแม้แต่น้อย โชคดีเขาบังเอิญพบผู้ป่วยรายหนึ่งที่ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกซ้ายโดยใส่ Judet prosthesis บ่นว่าเวลาเอนไปข้างหน้าจะได้ยินเสียงเอี๊ยดทุกครั้ง และแล้วความพยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1962 ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า low-frictional torque arthroplasty (LFA)
การบุกเบิกการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกยุคใหม่ (Pioneer in modern hip transplantation) ทำให้เขาได้รับรางวัล Lasker-DeBakey ประจำปี ค.ศ. 1974 และได้รับบรรดาศักดิ์เป็น Sir ในปี ค.ศ. 1977
Charnley เสียชีวิตในวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1982
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น