วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

MMM(86) Cheyne-Stokes respiration

John Cheyne (1777-1836)


เกิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1777 ที่เมือง Leith ประเทศสกอตแลนด์

บิดาของเขาเป็นศัลยแพทย์ เขาช่วยบิดาทำแผลคนไข้ตั้งแต่อายุ 13 ปี พออายุ 15 ก็เข้าเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัย Edinburgh และจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1795 ด้วยวัยเพียง 18 ปี

หลังจบเขาก็เข้าร่วมกองทัพโดยเป็นผู้ช่วยศัลยแพทย์ในหน่วยทหารปืนใหญ่ เขาอยู่ที่สมรภูมิ Vinegar Hill ซึ่งอังกฤษชนะไอร์แลนด์ในวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 1798

ค.ศ. 1799 เขากลับไปทำเวชปฏิบัติร่วมกับบิดาที่เมือง Leith

ค.ศ. 1809 เขาเดินทางไปกรุงดับลิน ต่อมา ค.ศ. 1811 ก็ได้เป็นแพทย์ที่โรงพยาบาล Meath ไม่นานก็ได้เป็นศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์

เขาเกษียณในปี ค.ศ. 1831 เนื่องจากสุขภาพไม่ดีและย้ายไปอังกฤษ

เขาเสียชีวิตในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1836 ที่เมือง Buckinghamshire ประเทศอังกฤษ


William Stokes (1804-1878)


เกิดวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1804 ที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์

เขาเป็นบุตรชายของ Whitley Stokes (1763-1845) แพทย์ผู้บรรยายวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่วิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยดับลิน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1806 ต่อมาบิดาของเขาได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์ต่อจาก John Cheyne

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับการศึกษาอย่างเป็นทางการ เขาทิ้งโบสถ์และเดินตามคำสอนของบาทหลวง John Walker เรียกว่าเป็น Walkerite sect

เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กส่วนใหญ่ที่บ้านในชนบทของบิดาที่ Ballinteer ใน Dublin hills และเรียนบทกวีกับ Sir Walter Scott, 1st Baronet (1771–1832) นักประพันธ์ชาวสกอต เมื่อโตขึ้นเขาจึงไปช่วยบิดาที่ห้องปฏิบัติการและติดตามไปดูผู้ป่วยด้วย

ค.ศ. 1821 เขาเข้าเรียนที่ College of Surgeons School ในไอร์แลนด์ ตอนแรกเขาสนใจวิชาเคมีจึงไปเรียนด้านนี้ภายใต้แพทย์ชาวสกอต Thomas Thomson (1773–1852) ศาสตราจารย์ด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยกลาสโกว์

แต่สองปีต่อมาเขาเปลี่ยนใจไปเรียนแพทย์ที่ Edinburgh ทำให้รู้จักและเป็นเพื่อนกับ William Pulteney Alison (1790-1859) และ Dominic John Corrigan (1802-1880)

เขาจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1825

ค.ศ. 1826 บิดาของเขาสละตำแหน่งที่โรงพยาบาล Meath ในกรุงดับลิน เขาได้รับตำแหน่งนี้ต่อจากบิดา ที่นี่เขาได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับ Robert James Graves (1797-1853)

ค.ศ. 1837 เขาตีพิมพ์ตำราที่ชื่อ A Treatise on the Diagnosis and Treatment of Diseases of the Chest”

ค.ศ. 1845 บิดาของเขาเสียชีวิต เขาก็ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยดับลินต่อ

ค.ศ. 1854 เขาตีพิมพ์ตำราที่ชื่อ “The Diseases of the Heart and Aorta”

Stokes เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวิชาหทัยวิทยายุคใหม่ (Pioneer in modern cardiology) เขาเป็นผู้ค้นพบการหายใจรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Cheyne-Stokes respiration ร่วมกับแพทย์ชาวสกอต John Cheyne (1777–1836)

เขาค้นพบ Adams-Stokes syndrome ร่วมกับศัลยแพทย์ชาวไอริช Robert Adams (1791–1875)

นอกจากนี้เขายังค้นพบ Stokes’ disease, Stokes’ sign และยังตั้งกฎ Stokes’ law ที่ว่ากล้ามเนื้อที่อยู่บน serous หรือ mucous membrane ที่อักเสบอาจจะ paralyse

เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1878 ที่เมือง Howth ใกล้กับกรุงดับลิน


Robert Adams (1791-1875)


เกิดในปี ค.ศ. 1791 ที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์

ค.ศ. 1810 เขาเข้าเรียนที่วิทยาลัยทรินิตี มหาวิทยาลัยดับลิน โดยฝึกงานกับ William Hartigan (?-1813) ศัลยแพทย์ผู้นำในดับลิน เมื่อ Hartigan เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1813 เขาก็ได้ฝึกงานต่อกับ George Stewart ศัลยแพทย์ของกองทัพอังกฤษในไอร์แลนด์

เขาได้เป็น baccalaureus ในปี ค.ศ. 1814

ต่อมาเขาเรียนแพทย์ในทวีปยุโรปจากนั้นก็กลับมาทำเวชปฏิบัติที่กรุงดับลิน โดยเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาล Jervis Street และโรงพยาบาล Richmond

เขาร่วมกับแพทย์อีกสองท่านคือ John Kirby (1781-1853) กับ Read ก่อตั้ง Peter Street School of medicine ต่อมาไม่นาน ค.ศ. 1826 เขาก็แยกตัวไปก่อตั้ง Richmond School of Medicine ร่วมกับ Richard Carmichael (1779-1849) กับ MacDowell ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Carmichael School of Medicine and Surgery

เขาได้ doctor of medicine ในปี ค.ศ. 1842

ค.ศ. 1861 เขาได้รับตำแหน่งศัลยแพทย์ประจำองค์ราชินีแห่งไอร์แลนด์และได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านศัลยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยดับลิน

เขาเสียชีวิตในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1875 ที่กรุงดับลิน โดยศพของเขาถูกฝังอยู่ใน Mount Jerome Cemetery ในกรุงดับลิน

ไม่มีความคิดเห็น: