วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

MMM(37) Osborn wave, Delta wave & Epsilon wave

Osborn wave

จุดเชื่อมต่อ (junction) ระหว่าง QRS complex กับ ST segment เรียกว่า J point เป็นจุดสิ้นสุดของ depolarization และจุดเริ่มต้นของ repolarization ซึ่งซ้อนทับกันอยู่ประมาณ 10 msec

ค.ศ. 1938 W. Tomaszewski บรรยายถึง prominent J deflection ในผู้ป่วยที่เสียชีวิตจาก hypothermia เป็นครั้งแรก

จากนั้นก็มีคนสังเกตไว้อีกหลายคนจึงมีชื่อเรียกหลายชื่อเช่น camel-hump sign, late delta wave, hathook junction, hypothermic wave, prominent J wave, J-point wave, K wave และ H wave เป็นต้น

Wave นี้มีการบรรยายไว้อย่างละเอียดในปี ค.ศ. 1953 โดย John J. Osborn จึงได้รับการตั้งชื่อว่า Osborn wave เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา


Delta wave

Short PR interval ร่วมกับ slurred initial portion ของ QRS complex มีบันทึกไว้เป็นครั้งแรกโดยแพทย์ชาวอเมริกัน Frank Norman Wilson (1890–1952) ในปี ค.ศ. 1915 จากนั้นก็มีบรรยายอีกโดย A. M. Wedd ในปี ค.ศ. 1921 และ W. W. Hamburger ในปี ค.ศ. 1929

การบรรยายที่มีชื่อเสียงที่สุดเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1930 โดยหทัยแพทย์ชาวอเมริกันสองคนคือ Louis Wolff (1898-1972) กับ Paul Dudley White (1886–1973) และหทัยแพทย์ชาวอังกฤษ Sir John Parkinson (1885-1976) ทำให้กลุ่มอาการของ pre-excitation ของหัวใจห้องล่างได้รับการตั้งชื่อว่า Wolff-Parkinson-White (WPW) syndrome

แต่จาก QRS complex ที่กว้างทำให้พวกเขาคาดเดาผิดว่าเกิดจาก bundle branch block ชนิดหนึ่ง และเป็นแพทย์ชาวอเมริกัน Charles Christian Wolferth (1887–1965) กับลูกศิษย์คือ Francis Clark Wood (1901–1990) ที่พบว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดจาก bundle of Kent ที่ค้นพบในปี ค.ศ. 1893 โดยนักสรีรวิทยาชาวอังกฤษ Albert Frank Stanley Kent (1863-1958 )

อย่างไรก็ตามรายชื่อที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่คนที่ตั้งชื่อ delta wave ชื่อนี้ใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1944 โดย P. M. Segers, J. Lequime และ L, Denolin ที่ใช้ชื่อนี้เพราะมันมีรูปร่างเหมือนตัวพิมพ์ใหญ่ของอักษรตัวที่สี่ของกรีกที่เรียกว่า delta นั่นเอง


Epsilon wave

ค้นพบโดย Guy Fontaine ในปี ค.ศ. 1979


Guy Fontaine (born 1936)

เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1936 ในชุมชน Corbeil Essonnes ชานกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

เขาเรียนชั้นประถมศึกษาที่ Loyola Institution และเรียนมัธยมศึกษาที่ Lycee Montesquieu ในเมือง Bordeaux ก่อนที่จะย้ายไปกรุงปารีสและจบที่นั่น

ค.ศ. 1966 เขาจบ doctoral degree ด้วยวิทยานิพนธ์ระดับเกียรติยศขั้นสูงในหัวข้อ “Contributions to Electrical Stimulation of the Human Heart”

ค.ศ. 1968 เขาเป็นสตาฟด้านหทัยวิทยา (cardiology) ที่ Hospital de la Salpêtrière ในกรุงปารีส

จากการผ่าศพมากมายภายใต้อาจารย์ที่ปรึกษาคนแรกคือศาสตราจารย์ J. J. Welti ทำให้เขามั่นใจว่า “hearts too good to die” การเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันจากความผิดปกติของ atrioventricular conduction เป็นไปได้ที่จะจัดการด้วยเทคนิคชีวภาพ

ค.ศ. 1976 เขาตีพิมพ์ตำราชื่อ “The Essential of Cardiac Pacing” ร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษาและเพื่อนร่วมงานของเขาคือศาสตราจารย์ J. J. Welti และ Y. Grosgogeat

ค.ศ. 1977 เขาร่วมกับผู้ช่วย Robert Frank พัฒนาเทคนิคของ epicardial mapping ให้สมบูรณ์จนบันทึก epicardial late (or delayed) potentials ในมนุษย์ได้เป็นครั้งแรก

ค.ศ. 1977 เขาบรรยายผู้ป่วย ventricular tachycardia ที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างขวาถูกแทนที่ด้วยไขมันและ fibrosis โดยเขาบัญญัติศัพท์เรียกโรคนี้ว่า “Arrhythmogenic Right Ventricular Dysplasia (ARVD)”

ค.ศ. 1979 เขาย้ายไปทำงานที่ Hospital Jean Rostand ใน Ivry โดยเขาเป็นผู้อำนวยการร่วมของภาควิชา Clinical Electrophysiology ของมหาวิทยาลัย เขาศึกษาในเรื่องนี้ต่อจนค้นพบ late potentials ใน surface ECG

เนื่องจาก late potentials คาดกันว่าเกิดจาก late activation ของ fibers บางกลุ่มเรียกว่าเป็น “postexcitation” เมื่อ delta wave แสดงถึง preexcitation ดังนั้น Fontaine จึงตั้งชื่อสิ่งนี้ว่า Epsilon wave เพราะ Epsilon เป็นตัวอักษรกรีกตัวที่ห้าถัดจาก delta นั่นเอง

ค.ศ. 1991 เขาจบปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่ง Orsay ด้วยวิทยานิพนธ์ระดับเกียรติยศขั้นสูงในหัวข้อ “Physical, Biophysical and Electrophysiological Effects of Fulguration : Application to the Treatment of Cardiac Arrhythmias”

ค.ศ. 2005 เขาได้รับรางวัล “Pioneer in Pacing and Electrophysiology” จาก Heart Rhythm Society

ปัจจุบันเขามีอายุ 74 ปี ภรรยาของเขาเป็นจิตแพทย์ที่ปารีส พวกเขามีลูกด้วยกัน 4 คน ลูกสาวคนโตจบบริหารธุรกิจอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ลูกชายเป็นผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์อยู่ที่ Los Angeles, California ประเทศสหรัฐอเมริกา ลูกสาวคนต่อมาเป็นจักษุแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่ง Bordeaux และลูกสาวคนสุดท้องเป็นแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูที่เมือง Grasse ใน French Riviera

ไม่มีความคิดเห็น: