Ancel
Benjamin Keys (1904-2004)
เกิดวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1904 ที่เมือง
Colorado
Springs รัฐโคโลราโด
ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นบุตรชายของ Benjamin
Pious Keys (1883-1961) และ Carolyn Emma Chaney (1885-1960)
ค.ศ. 1906 ครอบครัวย้ายไปยังเมืองซานฟานซิสโก
รัฐแคลิฟอร์เนีย หลังเกิดแผ่นดินไหวในปีนั้นเองก็ย้ายไปอยู่เมืองเบิร์กลีย์
ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดเขาจึงได้รับเลือกเป็น
1 ใน 1,528 เด็กอัจฉริยะของงานวิจัย “Terman Study of the Gifted”
โดยนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน Lewis Madison Terman (1877-1956)
ค.ศ. 1922 เข้าเรียนปริญญาตรีด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียในเบิร์กลีย์แต่ไม่ชอบจึงเปลี่ยนไปเรียนเศรษฐศาสตร์และวิทยาศาสตร์การเมืองจนจบในปี
ค.ศ. 1925 จากนั้นเรียนต่อปริญญาโทด้านสัตววิทยาที่เบิร์กลีย์จนจบในปี ค.ศ. 1928 เขาทำงานที่บริษัท F. W. Woolworth ไม่นานก็เรียนต่อปริญญาเอกด้านสมุทรศาสตร์และชีววิทยาที่สถาบัน
Scripps
ใน
La
Jolla แคลิฟอร์เนียจนจบในปี
ค.ศ. 1930
เขาได้รับทุนจากสภาวิจัยแห่งชาติให้ไปศึกษาต่อภายใต้นักสรีรวิทยาชาวเดนมาร์ก
Schack
August Steenberg Krogh (1874-1949) ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กเป็นเวลาสองปี
จากนั้นก็ไปยังประเทศอังกฤษเรียนจบปริญญาเอกใบที่สองด้านสรีรวิทยาที่
King’s
College เคมบริดจ์ในปี
ค.ศ. 1936
ค.ศ. 1936
เขากลับมารับตำแหน่งที่มูลนิธิ Mayo ในเมืองรอเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก
ที่นี่เองเขาจ้าง Margaret Haney (1909-2006) มาเป็นนักเทคโนโลยีการแพทย์
ค.ศ. 1937 เขาย้ายไปรับตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยแห่งมินิโซตาโดยก่อตั้งห้องปฏิบัติการสุขอนามัยสรีรวิทยาขึ้นมาใหม่
ค.ศ. 1939 เขาแต่งงานกับ Haney ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน
3 คน เป็นบุตรชาย 1 คนคือ Henry Keys และบุตรสาว 2 คนคือ Carrie
D’Andrea กับ
Martha
McLain
เมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองทางรัฐบาลมอบหมายให้เขาออกแบบอาหารสำหรับทหารให้มีน้ำหนักเบาพกพาง่ายแต่คงคุณค่าทางโภชนาการและเก็บได้นานถึงสองสัปดาห์ เป็นที่มาของอาหาร K-ration นั่นเอง โดย K หมายถึง Keys ไม่ใช่วิตามินเค
ค.ศ. 1944-1945
เขาและเพื่อนร่วมงานทำการวิจัยเกี่ยวกับผลด้านสรีรวิทยาและจิตวิทยาต่อภาวะถูกจำกัดด้านอาหารเรียกว่า
“Minnesota
Starvation Experiment” นำไปสู่การตีพิมพ์ตำราขนาดสองเล่มหนา 1,385 หน้าที่ชื่อ “The
Biology of Human Starvation” ในปี ค.ศ. 1950
เขาเสนอสมมติฐานว่าไขมันแต่ละชนิดมีผลต่อสุขภาพแตกต่างกัน ค.ศ. 1947 เขาทำวิจัยในนักธุรกิจ
283
คนจากเมืองมินนีแอโพลิสและเซนต์พอล
รัฐมินิโซตาเป็นเวลาสิบปีและสรุปว่าไขมันอิ่มตัวเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจ เขาร่วมกับภรรยาตีพิมพ์หนังสือ “Eat Well
& Stay Well” ในปี
ค.ศ. 1959
หนังสือขายดีจนสร้างความตื่นตัวในการบริโภคอาหารไขมันต่ำ เป็นเหตุให้ได้ลงหน้าปกนิตยสาร Time ฉบับวันที่
13 มกราคม ค.ศ. 1961
เขาได้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการด้านอาหารและการเกษตรขององค์การอนามัยโลกคนแรกและเป็น
Fullbright
fellow ที่อ๊อกซฟอร์ด ทศวรรษ 1950
เขาถูกท้าทายจากเพื่อนร่วมงานชาวอิตาลีว่าโรคหัวใจไม่ใช่ปัญหาในอิตาลีจึงนำไปสู่การศึกษาที่เรียกว่า
Seven
Countries Study เพื่อเปรียบเทียบอัตราการตายกับอาหารของประเทศอุตสาหกรรม
7 ประเทศ การศึกษาเริ่มในปี ค.ศ. 1958
กับชายวัยกลางคน 12,000 คนในอิตาลี หมู่เกาะกรีก ยูโกสลาเวีย เนเธอร์แลนด์
ฟินแลนด์ ญี่ปุ่นและสหรรัฐอเมริกา
ผลการวิจัยตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1970
พบว่าประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งกินน้ำมันมะกอกซึ่งเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัวอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่าประเทศฟินแลนด์ที่กินน้ำมันจากสัตว์ซึ่งเป็นน้ำมันอิ่มตัว
ค.ศ. 1972
เขาเกษียณจากมหาวิทยาลัยแห่งมินิโซตา
ค.ศ. 1975 เขาร่วมกับภรรยาตีพิมพ์หนังสือ
“Eat
Well & Stay Well the Mediterranean Way” ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีอีกเช่นกัน
ค.ศ. 1991 บุตรสาวของเขา Martha
McLain เสียชีวิตไปก่อน ส่วนตัวเขาเองเสียชีวิตในวันที่ 20 พฤศจิกายน
ค.ศ. 2004 ด้วยวัย 100 ปี
มีคนถามเขาว่าที่อายุยืนนานและสุขภาพแข็งแรงนั้นเกี่ยวกับอาหารที่เขากินใช่หรือไม่?
เขาตอบว่า “Very
likely, but no proof.”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น