วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

MMM(175) Father of immunopathology and modern clinical immunology

Henry George Kunkel (1916-1983)


เกิดวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1916 ที่เมืองบรุกลิน ประเทศสหรัฐอเมริกา

เป็นบุตรชายของ Louis Otto Kunkel กับ Johanna Kunkel บิดาของเขาเป็นนักพฤกษศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงที่สถาบัน Rockefeller ส่วนมารดาเป็นนักปลูกพืชสวน ความชื่นชอบในด้านพฤกษศาสตร์และชีววิทยาของบิดามารดาจุดไฟด้านนี้ให้แก่เขา

เขาจบจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันในปี ค.ศ. 1938 ก่อนจะเข้าเรียนแพทย์ที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินและจบในปี ค.ศ. 1942

หลังจบแพทย์ก็เทรนต่อที่โรงพยาบาล Bellevue ในนครนิวยอร์กภายใต้ William S. Tillet ผู้เห็นแววด้านงานวิจัยในตัวเขา แต่เทรนได้สองปีก็ต้องเข้าร่วมกองทัพเรือในสงครามโลกครั้งที่สอง มีเหล่านาวิกโยธินหลายนายที่ป่วยเป็นตับอักเสบทำให้ Kunkel ได้ประสบการณ์ในการรักษาโรคนี้มากและเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเลยทีเดียว

เมื่อสิ้นสุดสงคราม ค.ศ. 1945 เขามาทำงานที่สถาบัน Rockefeller (เป็นมหาวิทยาลัย Rockefeller ในเวลาต่อมา) จากประสบการณ์ในกองทัพเรือจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลโปรแกรมโรคตับอักเสบจากการติดเชื้อของกองทัพเรือ โดยทำงานที่ห้องปฏิบัติการของ Charles L. Hoagland ในสถาบัน Rockefeller ซึ่งกำลังศึกษาโรคตับอักเสบจากการติดเชื้อ หนึ่งปีต่อมา Hoagland เสียชีวิตกระทันหัน Kunkel จึงต้องรับตำแหน่งหัวหน้าห้องปฏิบัติการต่อ

เขาได้รับตำแหน่ง assistant member (ผู้ช่วยศาสตราจารย์) ในปี ค.ศ. 1947 และเป็น associate member (รองศาสตราจารย์) ในปี ค.ศ. 1949

ค.ศ. 1949 เขาร่วมกับแพทย์ชาวอเมริกัน Edward H. “Pete” Ahrens, Jr. (1915-2000) บรรยายโรคตับแข็งที่พวกเขาตั้งชื่อว่า Primary biliary cirrhosis (PBC) ซึ่งศัพท์นี้ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน

เนื่องจากยังไม่ได้รับการเทรนด้านชีวเคมีอย่างเป็นทางการเพราะอาจารย์ที่ปรึกษา (Hoagland) เสียชีวิตไปก่อน ค.ศ. 1950 Kunkel จึงไปเทรนที่ห้องปฏิบัติการของนักชีวเคมีชาวสวีเดนผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี Arne Wilhelm Kaurin Tiselius (1902-1971) ใน Uppsala ประเทศสวีเดนเป็นเวลาหนึ่งปีก่อนจะกลับมาทำงานต่อที่สถาบัน Rockefeller

ในการศึกษาโรคตับเขาสังเกตเห็นความผิดปกติของโปรตีนในซีรัมผู้ป่วย ผู้ป่วยตับแข็งบางรายมีระดับแกมมาโกลบูลินในซีรัมสูงและสัมพันธ์กับเซลล์พลาสมาที่เพิ่มขึ้นในไขกระดูก แกมมาโกลบูลินที่สูงนี้พบในผู้ป่วยมะเร็งของเซลล์พลาสมา (multiple myeloma) ด้วย ค.ศ. 1951 เขาจึงเสนอว่าโปรตีนในซีรัมของผู้ป่วยมะเร็งของเซลล์พลาสมาแม้จะสร้างจากเซลล์มะเร็งแต่ที่จริงเป็นอิมมูโนโกลบูลินปกตินั่นเอง ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องทำให้การศึกษาอิมมูโนโกลบูลินสะดวกขึ้นทั้งในเรื่องโครงสร้างและยีนที่สร้าง

ค.ศ. 1952 เขาได้รับตำแหน่ง full member (ศาสตราจารย์)

ปลายทศวรรษ 1950 เขาเป็นคนแรกที่ค้นพบว่า Rheumatoid Factor (RF) เป็นแอนติบอดี 19S ที่ทำปฏิกิริยากับแกมมาโกลบูลิน 7S ซึ่งเป็นแอนติบอดีอีกชนิดหนึ่งกลายเป็นสารประกอบเชิงซ้อนล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดและทำให้เกิดพยาธิสภาพที่อวัยวะต่าง ๆ

ค.ศ. 1960 เขาเป็นบรรณาธิการของ Journal of Experimental Medicine จนกระทั่งเสียชีวิต

Stephanie Smith (1947-1969) ศิลปินชาวอเมริกันป่วยเป็นโรค Systemic lupus erythematosus (SLE) โดยอยู่ภายใต้ความดูแลของ Henry Kunkel และ Eng M. Tan ค.ศ. 1966 Kunkel และ Tan ค้นพบว่า Smith สร้างแอนติบอดีต่อโปรตีนในนิวเคลียสของเซลล์ตนเอง แอนติเจนดังกล่าวเรียกว่า Smith antigen (Sm Ag) แอนติบอดีต่อแอนติเจนนี้จึงมีชื่อว่า Anti-Sm antibody ซึ่งถูกใช้เป็นหนึ่งในเกณฑ์การวินิจฉัยโรค SLE

ค.ศ. 1975 Kunkel ได้รับรางวัลลาสเกอร์สาขาวิจัยพื้นฐานทางการแพทย์

ค.ศ. 1976 เขาได้รับตำแหน่ง Abby Rockefeller Mauzè Professor ของมหาวิทยาลัย Rockefeller

ภรรยาของเขา Betty เป็นครูสอนเล่นสเกต ทั้งสองมีบุตรด้วยกันสามคน เป็นบุตรชายสองคนคือ Louis กับ Henry และบุตรสาวหนึ่งคนคือ Ellen

Kunkel เสียชีวิตที่ Mayo Clinic ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1983 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งพยาธิวิทยาภูมิคุ้มกันและวิทยาภูมิคุ้มกันคลินิกยุคใหม่ (Father of immunopathology and modern clinical immunology)

ค.ศ. 1990 กลุ่มอดีตนักเรียนของ Kunkel และผู้ร่วมงานร่วมกันก่อตั้งสมาคมเพื่อพัฒนาสาขาวิทยาภูมิคุ้มกันโดยตั้งชื่อว่า Henry Kunkel Society เพื่อเป็นเกียรติแด่ Kunkel

ไม่มีความคิดเห็น: