Henry Hamilton “Ham”
Bailey (1894-1961)
เกิดวันที่ 1 ตุลาคม
ค.ศ. 1894 ที่ Bishopstoke ในมณฑลแฮมป์เชียร์ ประเทศอังกฤษ
เป็นบุตรชายของแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป Henry James Bailey
(1864-?) ส่วนมารดาเป็นพยาบาลชื่อ Margaret Bailey ป่วยเป็นโรคจิตเวช ตอนอายุสองขวบครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ไบรตัน ชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่มีความสุขนักเพราะบิดาทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาให้
ส่วนมารดาก็ป่วยบ่อยไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
ค.ศ. 1900
เขาถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ Durley, Southport ก่อนจะเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัย
St Lawrence ใน Ramsgate มณฑลเคนต์
ค.ศ. 1910 เขาเข้าเรียนแพทย์ตามความประสงค์ของบิดาที่โรงพยาบาลลอนดอนด้วยวัย
16 ปี ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ค.ศ.
1914 ขณะอยู่ชั้นปีที่ 4 เขาอาสาไปทำงานในหน่วยกาชาดอังกฤษที่เบลเยียม
ทำงานได้ไม่นานกองทัพเยอรมันก็บุกรุกเขาถูกจับเป็นเชลยไปสร้างทางรถไฟที่ประเทศเยอรมนี รถไฟของกองร้อยถูกทำลายเขาและชาวฝรั่งเศสอีก 2
คนถูกจับในข้อหาก่อวินาศกรรม
ศาลทหารตัดสินให้ประหารชีวิตทั้งหมดแต่โชคดีชาวฝรั่งเศสถูกประหารชีวิตคนเดียวสองคนที่เหลือรอดชีวิต
จากการแทรกแซงของสถานทูตสหรัฐอเมริกาเขาได้รับการส่งตัวกลับประเทศ
ค.ศ. 1917 เขาสอบผ่าน MRCS LRCP และได้รับตำแหน่งเป็นศัลแพทย์โท (Surgeon-lieutenant) ในกองทัพเรือหลวง ค.ศ. 1920 ก็สอบผ่านเป็น Fellow of the Royal College of Surgeons
หลังสิ้นสุดสงครามได้มาเป็นผู้ช่วยหัวหน้า fellow
ที่โรงพยาบาลลอนดอน ช่วงนั้นศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ
Robert John McNeill Love (1891-1974) เป็นผู้ช่วยคนที่หนึ่งที่โรงพยาบาลลอนดอน Bailey และ Love ได้เป็น
registrar ระหว่างปี ค.ศ. 1922-1925 (ค.ศ.
1924 Bailey สูญเสียนิ้วชี้มือซ้ายเนื่องจากติดเชื้อรุนแรงจนต้องตัดทิ้ง)
แต่ทั้งสองไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์ในปี ค.ศ. 1925 จึงไม่ได้รับตำแหน่ง
consultant ที่โรงพยาบาลลอนดอน
Bailey
มีชื่อเสียงจากการประพันธ์ตำราโดย ค.ศ. 1927 เขาตีพิมพ์ตำรา “Hamilton
Bailey’s Demonstration of Physical Signs in Clinical Surgery” เป็นครั้งแรก
(ล่าสุดฉบับพิมพ์ครั้งที่ 18 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1997) ต่อมา ค.ศ. 1930 ก็ตีพิมพ์ตำรา “Hamilton
Bailey’s Emergency Surgery” เป็นครั้งแรก (ล่าสุดฉบับพิมพ์ครั้งที่
13 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2000)
แม้ Bailey และ Love จะไม่ได้รับตำแหน่ง consultant ที่โรงพยาบาลลอนดอน อย่างไรก็ตามสตาฟของโรงพยาบาล Royal Northern เล็งเห็นความสามารถจึงเชิญทั้งคู่มาร่วมงานในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1930
ต่อมาทั้งสองได้ร่วมกันประพันธ์ตำรา “Bailey & Love Short
Practice of Surgery” ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1932 และได้รับความนิยมมากจนถือเป็นไบเบิลสำหรับนักเรียนแพทย์
(ล่าสุดเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 26 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2013)
Bailey แต่งงานกับช่างภาพมืออาชีพ
Veta Gillender (1902-?) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการประจำตัวเขาตลอดชีวิต ค.ศ. 1943 บุตรคนเดียวของเขาคือ Hamilton
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถไฟด้วยวัยเพียง 15 ปี หลังจากนั้นเขาก็มีปัญหาด้านสุขภาพจิตจนผ่าตัดไม่ได้ในปี
ค.ศ. 1949 และต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช Graylingwell ในมณฑลซัสเซ็กซ์ เนื่องจากไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ จึงต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง
3 ปีจนเกือบจะถูกผ่าตัดทำ prefrontal leucotomy โชคดีที่ registrar
คนหนึ่งแนะนำให้ลองใช้ยาใหม่ที่ชื่อลิเทียม (lithium) ผลที่ได้รับน่าอัศจรรย์อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ จนออกจากโรงพยาบาลได้ใน 3
เดือนต่อมา
เขาย้ายไปอยู่ประเทศสเปนและยังคงเป็นบรรณาธิการตำราหลายเล่มจนกระทั่งต้นปี
ค.ศ. 1961 เกิดอาการลำไส้อุดตันและเสียชีวิตวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ.
1961 จากภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดโดยศพถูกฝังที่สุสานชาวอังกฤษในเมืองมาลากา
ประเทศสเปน เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น Edgar
Wallace แห่งวรรณกรรมทางการแพทย์
เพื่อรำลึกถึง Bailey
ค.ศ. 1986 ภรรยาของเขาจึงจัดตั้งกองทุน Hamilton Bailey
Memorial Trust เพื่อบริจาคตำราให้กับห้องสมุดการแพทย์ในต่างประเทศและมอบทุนให้ศัลยแพทย์ชาวต่างชาติที่สนใจมาศึกษาเพิ่มเติมที่ประเทศอังกฤษ
เอกสารอ้างอิง
Hamilton Bailey
(1894–1961). Br J Surg 1965; 52: 241–5.
Marston A. Hamilton Bailey
A surgeon’s Life. 1st ed. London: Greenwich Medical Media Ltd.;1999.
Swain V. Hamilton Bailey
1894-1961. Ann R Coll Surg Engl 1986; 68(1):7.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น