Wilhelm Ebstein (1836-1912)
เกิดวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1836 ที่ Jauer (ปัจจุบันคือ Jawor) ใน Schlesien ปรัสเซีย (ปัจจุบันคือ Silesia ประเทศโปแลนด์)
เป็นบุตรชายของพ่อค้า Louis Ebstein กับ Amalie Ebstein
ค.ศ. 1855 เขาเข้าเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่ง Breslau (ปัจจุบันคือ Wroclaw ประเทศโปแลนด์) แต่ในปีนั้นเองก็ย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ที่นั่นเขาได้รับอิทธิพลอย่างมากจาก Rudolph Carl Virchow (1821–1902) พยาธิแพทย์ชาวเยอรมันทำให้มีความรู้ด้านพยาธิวิทยาเป็นอย่างดี
เขาจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1859 ต่อมาได้รับตำแหน่งผู้ช่วยแพทย์ที่โรงพยาบาล Allerheiligen (All Saints’) ที่ Breslau ในปี ค.ศ. 1861
วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1864 Kornfeld รับกรรมกรวัย 19 ปี Joseph Prescher ไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล Allerheiligen ด้วยโรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด แปดวันต่อมาวันที่ 6 กรกฎาคม ผู้ป่วยเสียชีวิต Ebstein ทำการ autopsy และบรรยายความผิดปกติของหัวใจที่พบซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Ebstein's anomaly
ค.ศ. 1869 เขาได้รับตำแหน่ง Privatdozent แต่งานต้องหยุดชะงักเนื่องจากต้องเข้าร่วมสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย หลังกลับจากสงคราม ค.ศ. 1870 ก็ได้รับตำแหน่งเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่โรงทานของรัฐเมือง Breslau
ค.ศ. 1874 เขาไปรับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์ที่โรงพยาบาล Ernst August มหาวิทยาลัยแห่ง Göttingen โดยครองตำแหน่งนี้ถึงปี ค.ศ. 1903
ค.ศ. 1880 เขาบรรยายความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุของ renal tubules ซึ่งบางครั้งพบในผู้ป่วยเบาหวาน โรคนี้มีชื่อว่า Ebstein's disease นอกจากนี้ยังบรรยายความผิดปกติของ proximal convoluted tubules ในผู้ป่วยเบาหวานร่วมกับ พยาธิแพทย์ชาวอิตาลี Luciano Armanni (1839-1903) จึงมีชื่อว่า Armanni-Ebstein nephropathy
ค.ศ. 1885 แพทย์ชาวดัตช์ Pieter Klaases Pel (1852-1919) บรรยายลักษณะไข้เรื้อรังในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ตอนนั้นเรียกกันว่า Pseudo-leukemia) ในวารสารภาษาเยอรมัน Berliner Klinische Wochenschrift ในบทความ “Zur Symptomatologie der sog. Pseudoleukaemie (To symptomatology of the so-called pseudoleukemia)” โดยเป็นผู้ป่วยสองรายที่มีไข้ 12-14 วันสลับกับช่วงที่ไม่มีไข้ 10 วัน ตุลาคมปีนั้นเองเขาก็บรรยายผู้ป่วยรายที่สามในวารสารการแพทย์เนเธอร์แลนด์ Nederlands Tijdschrift voor Geneeskunde สองปีต่อมาสิงหาคม ค.ศ. 1887 Ebstein ก็บรรยายลักษณะไข้ดังกล่าวในผู้ป่วย 1 รายลงวารสาร Berliner Klinische Wochenschrift บทความชื่อ “Das chronische Rückfallfieber, eine neue Infektionskrankheit (The chronic recurrent fever, a new infection disease)” โดยมีความเห็นต่างจาก Pel ว่าไม่ใช่อาการของ pseudo-leukemia แต่น่าจะเป็นโรคติดเชื้อชนิดใหม่ (ซึ่งผิด) อย่างไรก็ตามอาการแสดงนี้รู้จักกันในชื่อ Pel-Ebstein fever [ก่อนหน้านั้น ค.ศ. 1870 แพทย์ชาวอังกฤษ Charles Murchison (21 พ.ค. 1830 - 23 เม.ย. 1879) ก็เคยรายงานผู้ป่วยไว้ใน Transactions of the pathological society of London vol XXI.page 372 เป็นเด็กหญิงวัย 6 ขวบที่มีต่อมน้ำเหลืองโตและมีไข้สลับกับช่วงไม่มีไข้ บางคนจึงเรียกว่า Murchison-Pel-Ebstein Fever แต่เนื่องจาก Murchison ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องไข้ใน discussion เลย ส่วนใหญ่จึงนิยมเรียกว่า Pel-Ebstein fever มากกว่า]
นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าโรคอ้วน เก๊าต์ และเบาหวาน เป็นความผิดปกติของเมตะบอลิซึมของเซลล์และถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ผลงานด้านนี้มักถูกมองข้ามทั้ง ๆ ที่สำคัญจึงได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ก่อตั้งพันธุศาสตร์ชีวเคมีที่ถูกลืม (forgotten founder of biochemical genetics)”
เขาเกษียณในปี ค.ศ. 1906 และเสียชีวิตจากโรคลมชักเมื่อ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1912 ที่ Göttingen
บุตรชายของเขา Erich Ebstein เป็นนักประวัติศาสตร์การแพทย์
เอกสารอ้างอิง
http://ejcts.ctsnetjournals.org/cgi/content/full/20/5/1082
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น