วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

MMM(155) Pioneer in perinatal pathology

Edith Louise Potter (1901-1993)


เกิดที่คลินตัน รัฐไอโอวา ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1901 เป็นบุตรสาวคนเดียวของวิศวกรยานยนต์

ตอนแรกครอบครัวของเธอย้ายไปยังรัฐวิสคอนซินก่อนจะย้ายไปยังรัฐมินนิโซตา

จบแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่งมินนีแอโพลิสในปี ค.ศ. 1925 หลังจบ internship ที่โรงพยาบาลมินนีแอโพลิสก็ไปศึกษาเพิ่มเติมที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

เมื่อกลับมารัฐมินนิโซตาในปี ค.ศ. 1927 ก็ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวอยู่ 5 ปีก่อนจะเทรนต่อด้านพยาธิวิทยาภายใต้ E. T. Bell ศาสตราจารย์ด้านพยาธิวิทยาที่มหาวิทยาลัยแห่งมินนิโซตาโดยจบในปี ค.ศ. 1934

ต่อมาเธอย้ายไปทำงานที่ชิคาโกกับ F. L. Adair หัวหน้าโรงพยาบาล Chicago Lying-in ที่พึ่งเปิดใหม่ Herman Bundeson หัวหน้าภาควิชาสุขภาพของชิคาโกเห็นว่าอัตราการตายของทารกแรกเกิดสะท้อนสาธารณสุขของเมืองจึงส่งเสริมการศึกษาสาเหตุการตายของทารก สมัยนั้นไม่มีใครสนใจด้านพยาธิวิทยาทารก Potter จึงได้รับมอบหมายงานนี้ส่งผลให้เธอกลายเป็นผู้บุกเบิกพยาธิวิทยาของทารกปริกำเนิด (pioneer in perinatal pathology) ตัวอย่างผลงานของเธอคือการค้นพบ Potter sequence, Potter’s ear, Potter’s facies และ Potter’s classification of polycystic kidney เป็นต้น

ค.ศ. 1943 เธอแต่งงานกับประติมากรสถาปัตยกรรม Alvin Meyer

ค.ศ. 1953 เธอประพันธ์ตำราที่ชื่อว่า “Pathology of the fetus and newborn” (ตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1961 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “Pathology of the Fetus and the Infant” และตีพิมพ์เป็นครั้งที่สามในปี ค.ศ. 1975)

Potter รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านพยาธิวิทยาที่โรงพยาบาล Chicago Lying-in ในปี ค.ศ. 1956 และครองตำแหน่งนี้จนกระทั่งเกษียณในปี ค.ศ. 1967 หลังเกษียณครอบครัวเธอย้ายไปอยู่ Fort Myers ในรัฐฟลอริดา

สามีของ Potter เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1976 เธอแต่งงานใหม่กับผู้ประสานงานด้านสถาปัตยกรรม Frank Deats แต่ไม่นานเธอก็เป็นหม้ายอีกครั้งในปี ค.ศ. 1983

เธอป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และเสียชีวิตในวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1993 ขณะล่องเรือในทะเลแคริเบียน

ค.ศ. 1997 Enid Gilbert-Barness พยาธิแพทย์ด้านกุมารชาวออสเตรียปรับปรุงตำราของ Potter และตีพิมพ์เป็นครั้งที่หนึ่งใช้ชื่อว่า “Potter's Pathology of the Fetus, Infant and Child” สิบปีต่อมาตีพิมพ์เป็นครั้งที่สองในปี ค.ศ. 2007 และถือเป็นตำรามาตรฐาน (standard textbook) ในด้านนี้

เอกสารอ้างอิง

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2675375/

ไม่มีความคิดเห็น: