วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

MMM(219) K-ration

Ancel Benjamin Keys (1904-2004)

เกิดวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1904 ที่เมือง Colorado Springs รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นบุตรชายของ Benjamin Pious Keys (1883-1961) และ Carolyn Emma Chaney (1885-1960)
ค.ศ. 1906 ครอบครัวย้ายไปยังเมืองซานฟานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย  หลังเกิดแผ่นดินไหวในปีนั้นเองก็ย้ายไปอยู่เมืองเบิร์กลีย์
ด้วยความที่เป็นเด็กฉลาดเขาจึงได้รับเลือกเป็น 1 ใน 1,528 เด็กอัจฉริยะของงานวิจัย “Terman Study of the Gifted” โดยนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน Lewis Madison Terman (1877-1956)
ค.ศ. 1922 เข้าเรียนปริญญาตรีด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนียในเบิร์กลีย์แต่ไม่ชอบจึงเปลี่ยนไปเรียนเศรษฐศาสตร์และวิทยาศาสตร์การเมืองจนจบในปี ค.ศ. 1925 จากนั้นเรียนต่อปริญญาโทด้านสัตววิทยาที่เบิร์กลีย์จนจบในปี ค.ศ. 1928  เขาทำงานที่บริษัท F. W. Woolworth ไม่นานก็เรียนต่อปริญญาเอกด้านสมุทรศาสตร์และชีววิทยาที่สถาบัน Scripps ใน La Jolla แคลิฟอร์เนียจนจบในปี ค.ศ. 1930
เขาได้รับทุนจากสภาวิจัยแห่งชาติให้ไปศึกษาต่อภายใต้นักสรีรวิทยาชาวเดนมาร์ก Schack August Steenberg Krogh (1874-1949) ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กเป็นเวลาสองปี  จากนั้นก็ไปยังประเทศอังกฤษเรียนจบปริญญาเอกใบที่สองด้านสรีรวิทยาที่ King’s College เคมบริดจ์ในปี ค.ศ. 1936
ค.ศ. 1936 เขากลับมารับตำแหน่งที่มูลนิธิ Mayo ในเมืองรอเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ที่นี่เองเขาจ้าง Margaret Haney (1909-2006) มาเป็นนักเทคโนโลยีการแพทย์  ค.ศ. 1937 เขาย้ายไปรับตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยแห่งมินิโซตาโดยก่อตั้งห้องปฏิบัติการสุขอนามัยสรีรวิทยาขึ้นมาใหม่
ค.ศ. 1939 เขาแต่งงานกับ Haney ทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 3 คน เป็นบุตรชาย 1 คนคือ Henry Keys และบุตรสาว 2 คนคือ Carrie D’Andrea กับ Martha McLain
เมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองทางรัฐบาลมอบหมายให้เขาออกแบบอาหารสำหรับทหารให้มีน้ำหนักเบาพกพาง่ายแต่คงคุณค่าทางโภชนาการและเก็บได้นานถึงสองสัปดาห์  เป็นที่มาของอาหาร K-ration นั่นเอง โดย K หมายถึง Keys ไม่ใช่วิตามินเค
ค.ศ. 1944-1945 เขาและเพื่อนร่วมงานทำการวิจัยเกี่ยวกับผลด้านสรีรวิทยาและจิตวิทยาต่อภาวะถูกจำกัดด้านอาหารเรียกว่า “Minnesota Starvation Experiment” นำไปสู่การตีพิมพ์ตำราขนาดสองเล่มหนา 1,385 หน้าที่ชื่อ “The Biology of Human Starvation” ในปี ค.ศ. 1950
เขาเสนอสมมติฐานว่าไขมันแต่ละชนิดมีผลต่อสุขภาพแตกต่างกัน  ค.ศ. 1947 เขาทำวิจัยในนักธุรกิจ 283 คนจากเมืองมินนีแอโพลิสและเซนต์พอล รัฐมินิโซตาเป็นเวลาสิบปีและสรุปว่าไขมันอิ่มตัวเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของโรคหลอดเลือดหัวใจ  เขาร่วมกับภรรยาตีพิมพ์หนังสือ “Eat Well & Stay Well” ในปี ค.ศ. 1959
หนังสือขายดีจนสร้างความตื่นตัวในการบริโภคอาหารไขมันต่ำ  เป็นเหตุให้ได้ลงหน้าปกนิตยสาร Time ฉบับวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1961
เขาได้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการด้านอาหารและการเกษตรขององค์การอนามัยโลกคนแรกและเป็น Fullbright fellow ที่อ๊อกซฟอร์ด  ทศวรรษ 1950 เขาถูกท้าทายจากเพื่อนร่วมงานชาวอิตาลีว่าโรคหัวใจไม่ใช่ปัญหาในอิตาลีจึงนำไปสู่การศึกษาที่เรียกว่า Seven Countries Study เพื่อเปรียบเทียบอัตราการตายกับอาหารของประเทศอุตสาหกรรม 7 ประเทศ  การศึกษาเริ่มในปี ค.ศ. 1958 กับชายวัยกลางคน 12,000 คนในอิตาลี หมู่เกาะกรีก ยูโกสลาเวีย เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ ญี่ปุ่นและสหรรัฐอเมริกา  ผลการวิจัยตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1970 พบว่าประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งกินน้ำมันมะกอกซึ่งเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัวอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่าประเทศฟินแลนด์ที่กินน้ำมันจากสัตว์ซึ่งเป็นน้ำมันอิ่มตัว 
ค.ศ. 1972 เขาเกษียณจากมหาวิทยาลัยแห่งมินิโซตา
ค.ศ. 1975 เขาร่วมกับภรรยาตีพิมพ์หนังสือ “Eat Well & Stay Well the Mediterranean Way” ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีอีกเช่นกัน
ค.ศ. 1991 บุตรสาวของเขา Martha McLain เสียชีวิตไปก่อน  ส่วนตัวเขาเองเสียชีวิตในวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 2004 ด้วยวัย 100 ปี มีคนถามเขาว่าที่อายุยืนนานและสุขภาพแข็งแรงนั้นเกี่ยวกับอาหารที่เขากินใช่หรือไม่? เขาตอบว่า “Very likely, but no proof.



ไม่มีความคิดเห็น: