วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

MMM(213) Wilde's incision

Sir William Robert Wills Wilde (1815-1876)

เกิดเดือน มีนาคม ค.ศ. 1815 ที่ Kilkeevin ในเขต Roscommon ประเทศไอร์แลนด์
เป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาห้าคนของนายแพทย์ Thomas Wills Wilde กับ Amelia
เขาเริ่มเรียนที่ Royal School, Banagher และ Diocesan School, Elphin  เนื่องจากสนใจด้านศัลยศาสตร์ตั้งแต่ตามบิดาไปราวด์จึงเรียนต่อด้านศัลยศาสตร์ในปี ค.ศ. 1832
ค.ศ. 1837 จบแพทย์จากราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งไอร์แลนด์  ปีนั้นเองเขาเดินทางไปแถบเมดิเตอเรเนียนกับเรือ Crusader ในฐานะศัลยแพทย์  บันทึกการเดินทางของเขาได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือขนาด 2 เล่มชื่อ “Narrative of a Voyage to Madeira, Teneriffe and Along the Shores of the Mediterranean (ค.ศ. 1840)” ผลงานนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีรู้จักกันในชื่อ “Wilde’s Voyage”
ค่าจ้างจากการเดินเรือ 250 ปอนด์เป็นทุนให้เขาได้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่ต่างประเทศโดยเริ่มในปี ค.ศ. 1839 ที่แรกคือ Royal London Ophthalmic Hospital (Moorfields) ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ  ก่อนจะไปที่ Allgemeines Krankenhaus ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย  จากนั้นก็ไปสาธารณรัฐเชกและท้ายสุดที่ประเทศเยอรมนีก่อนจะกลับกรุงดับลินในปี ค.ศ. 1841 เปิดคลินิกรักษาด้านตาและหูที่บ้านตัวเอง
ค.ศ. 1841 เขาได้รับหน้าที่สำรวจสำมะโนประชากรด้านการแพทย์และครองตำแหน่งนี้จนกระทั่งเสียชีวิต (ได้ทำการเก็บสถิติทุกสิบปีอีกสามครั้งคือ ค.ศ. 1851, 1861 และ 1871)
กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1844 เขาซื้อตึกที่ถนน Mark ในกรุงดับลินทำเป็นโรงพยาบาลจักษุและโสตแห่งแรกในไอร์แลนด์ชื่อ St Mark’s Hospital
ค.ศ. 1845 ได้เป็นบรรณาธิการวารสาร Dublin Quarterly Journal of Medical Science
เขามีบุตรนอกสมรสสามคนคือ Henry Wilson (1838-1877) ซึ่งต่อมาเป็นแพทย์ตามรอยบิดา [คาดว่า Wilson มาจาก Wil(de’s) son], Emily Wilde (1847-1871) และ Mary Wilde (1849-1871)
12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1851 เขาแต่งงานกับกวีและนักวิจารณ์ Jane Francesca Elgee (1821-1896) ที่โบสถ์เซนต์ปีเตอร์  ทั้งสองมีบุตรชายด้วยกันสองคนคือ William Charles Kingsbury Wilde (1852-1899) และนักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียง Oscar Fingal O’Flahertie Wills Wilde (1854-1900) และบุตรสาวอีกหนึ่งคนคือ Isola Francesca Emily Wilde (1857-1867)  
ค.ศ. 1853 เขาตีพิมพ์ตำราชื่อ “Observations on Aural Surgery and the Nature and Treatment of Diseases of the Ear”  ปีนั้นเองก็ได้รับตำแหน่งศัลยแพทย์ด้านจักษุประจำสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย
เขาคิดค้น forceps สำหรับหูเรียกว่า Wilde’s snare และคิดค้นแนวผ่าตัดรักษา mastoiditis เรียกว่า Wilde’s incision
ค.ศ. 1864 ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น Sir จากผลงานการสำรวจสำมะโนประชากรซึ่งได้ประโยชน์อย่างมาก  แต่แล้วชื่อเสียงก็เสื่อมลงเมื่อเขาแพ้คดีที่ผู้ป่วยชื่อ Mary Josephine Travers กล่าวหาว่าถูกเขาข่มขืนขณะสลบจากคลอโรฟอร์ม  เขาจึงย้ายออกจากกรุงดับลินไปอยู่ภาคตะวันตกของไอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 1864
สุขภาพของเขาแย่ลงและคงอยู่นานจนเกิดภาวะซึมเศร้า  ค.ศ. 1867 ถูกกระตุ้นจากบุตรสาว Isola เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก และ ค.ศ. 1871 ถูกกระตุ้นอีกครั้งเมื่อบุตรสาวนอกสมรสทั้งสองคนคือ Emily และ Mary เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไฟไหม้ 
ค.ศ. 1873 เขาได้รับเหรียญรางวัล Cunningham Medal จาก Royal Irish Academy
เขากลับมาเสียชีวิตที่บ้านใน Merrion-square กรุงดับลินเมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1876 โดยศพได้รับการฝังที่สุสาน Mount Jerome
ค.ศ. 1897 โรงพยาบาลจักษุและโสต St Mark’s ถูกรวมกับ National Eye and Ear Infirmary (ก่อตั้งโดย Isaac Ryall ในปี ค.ศ. 1814) กลายเป็นโรงพยาบาลจักษุและโสต Royal Victoria ตั้งอยู่ที่ถนน Adelaide ในปัจจุบัน

เอกสารอ้างอิง
                McGeachie J. Wilde, Sir William Robert Wills (1815-1876). Oxford Dictionary of National Biography, Oxford University Press 2004.

                Story JB. Sir Willim Robert Wills Wilde (1815-1876). Br J Ophthalmol 1918; 2(2): 65-71.