วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

MMM(203) Edgar Wallace of medical literature

Henry Hamilton “Ham” Bailey (1894-1961)

เกิดวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1894 ที่ Bishopstoke ในมณฑลแฮมป์เชียร์ ประเทศอังกฤษ
เป็นบุตรชายของแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป Henry James Bailey (1864-?) ส่วนมารดาเป็นพยาบาลชื่อ Margaret Bailey ป่วยเป็นโรคจิตเวช  ตอนอายุสองขวบครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ไบรตัน  ชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่มีความสุขนักเพราะบิดาทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาให้ ส่วนมารดาก็ป่วยบ่อยไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
ค.ศ. 1900 เขาถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่ Durley, Southport ก่อนจะเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัย St Lawrence ใน Ramsgate มณฑลเคนต์

ค.ศ. 1910 เขาเข้าเรียนแพทย์ตามความประสงค์ของบิดาที่โรงพยาบาลลอนดอนด้วยวัย 16 ปี  ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ค.ศ. 1914 ขณะอยู่ชั้นปีที่ 4 เขาอาสาไปทำงานในหน่วยกาชาดอังกฤษที่เบลเยียม  ทำงานได้ไม่นานกองทัพเยอรมันก็บุกรุกเขาถูกจับเป็นเชลยไปสร้างทางรถไฟที่ประเทศเยอรมนี  รถไฟของกองร้อยถูกทำลายเขาและชาวฝรั่งเศสอีก 2 คนถูกจับในข้อหาก่อวินาศกรรม  ศาลทหารตัดสินให้ประหารชีวิตทั้งหมดแต่โชคดีชาวฝรั่งเศสถูกประหารชีวิตคนเดียวสองคนที่เหลือรอดชีวิต  จากการแทรกแซงของสถานทูตสหรัฐอเมริกาเขาได้รับการส่งตัวกลับประเทศ
ค.ศ. 1917 เขาสอบผ่าน MRCS LRCP และได้รับตำแหน่งเป็นศัลแพทย์โท (Surgeon-lieutenant) ในกองทัพเรือหลวง  ค.ศ. 1920 ก็สอบผ่านเป็น Fellow of the Royal College of Surgeons
หลังสิ้นสุดสงครามได้มาเป็นผู้ช่วยหัวหน้า fellow ที่โรงพยาบาลลอนดอน  ช่วงนั้นศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ Robert John McNeill Love (1891-1974) เป็นผู้ช่วยคนที่หนึ่งที่โรงพยาบาลลอนดอน  Bailey และ Love ได้เป็น registrar ระหว่างปี ค.ศ. 1922-1925 (ค.ศ. 1924 Bailey สูญเสียนิ้วชี้มือซ้ายเนื่องจากติดเชื้อรุนแรงจนต้องตัดทิ้ง) แต่ทั้งสองไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์ในปี ค.ศ. 1925 จึงไม่ได้รับตำแหน่ง consultant ที่โรงพยาบาลลอนดอน
Bailey มีชื่อเสียงจากการประพันธ์ตำราโดย ค.ศ. 1927 เขาตีพิมพ์ตำรา “Hamilton Bailey’s Demonstration of Physical Signs in Clinical Surgery” เป็นครั้งแรก (ล่าสุดฉบับพิมพ์ครั้งที่ 18 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1997)  ต่อมา ค.ศ. 1930 ก็ตีพิมพ์ตำรา “Hamilton Bailey’s Emergency Surgery” เป็นครั้งแรก (ล่าสุดฉบับพิมพ์ครั้งที่ 13 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2000)
แม้ Bailey และ Love จะไม่ได้รับตำแหน่ง consultant ที่โรงพยาบาลลอนดอน อย่างไรก็ตามสตาฟของโรงพยาบาล Royal Northern เล็งเห็นความสามารถจึงเชิญทั้งคู่มาร่วมงานในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1930  ต่อมาทั้งสองได้ร่วมกันประพันธ์ตำรา “Bailey & Love Short Practice of Surgery” ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1932 และได้รับความนิยมมากจนถือเป็นไบเบิลสำหรับนักเรียนแพทย์ (ล่าสุดเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 26 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2013) 
 Bailey แต่งงานกับช่างภาพมืออาชีพ Veta Gillender (1902-?) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการประจำตัวเขาตลอดชีวิต  ค.ศ. 1943 บุตรคนเดียวของเขาคือ Hamilton เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถไฟด้วยวัยเพียง 15 ปี  หลังจากนั้นเขาก็มีปัญหาด้านสุขภาพจิตจนผ่าตัดไม่ได้ในปี ค.ศ. 1949 และต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช Graylingwell ในมณฑลซัสเซ็กซ์ เนื่องจากไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ จึงต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 3 ปีจนเกือบจะถูกผ่าตัดทำ prefrontal leucotomy โชคดีที่ registrar คนหนึ่งแนะนำให้ลองใช้ยาใหม่ที่ชื่อลิเทียม (lithium) ผลที่ได้รับน่าอัศจรรย์อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ จนออกจากโรงพยาบาลได้ใน 3 เดือนต่อมา
เขาย้ายไปอยู่ประเทศสเปนและยังคงเป็นบรรณาธิการตำราหลายเล่มจนกระทั่งต้นปี ค.ศ. 1961 เกิดอาการลำไส้อุดตันและเสียชีวิตวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1961 จากภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดโดยศพถูกฝังที่สุสานชาวอังกฤษในเมืองมาลากา ประเทศสเปน  เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น Edgar Wallace แห่งวรรณกรรมทางการแพทย์
เพื่อรำลึกถึง Bailey ค.ศ. 1986 ภรรยาของเขาจึงจัดตั้งกองทุน Hamilton Bailey Memorial Trust เพื่อบริจาคตำราให้กับห้องสมุดการแพทย์ในต่างประเทศและมอบทุนให้ศัลยแพทย์ชาวต่างชาติที่สนใจมาศึกษาเพิ่มเติมที่ประเทศอังกฤษ

เอกสารอ้างอิง
Hamilton Bailey (1894–1961). Br J Surg 1965; 52: 241–5. 
Marston A. Hamilton Bailey A surgeon’s Life. 1st ed. London: Greenwich Medical Media Ltd.;1999.
Swain V. Hamilton Bailey 1894-1961. Ann R Coll Surg Engl 1986; 68(1):7.


วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

MMM(202) Barlow's syndrome

John Brereton Barlow (1924-2008)

เกิดวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1924 ที่ Cape Town ประเทศแอฟริกาใต้
บิดาของเขาคือ Lancelot White Barlow พยาธิแพทย์ชาวแอฟริกาใต้ที่กรุงโจฮันเนสเบิร์กผู้ไปเรียนแพทย์ยังมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์และโรงพยาบาล St Bartholomew ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบรักกับมารดาของเขาชาวอังกฤษชื่อ Madeline Dicks ขณะเรียนแพทย์นั่นเอง
เขาจบจากวิทยาลัย St John ก่อนจะเรียนแพทย์ตามบิดาโดยเข้าเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่ง Witwatersrand แต่การเรียนในชั้นปีที่หนึ่งก็ถูกขัดจังหวะเพราะประเทศแอฟริกาใต้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1940 จึงถูกเกณฑ์ไปเข้าร่วมกองทัพ  จนกระทั่งปี ค.ศ. 1946 จึงได้กลับมาเรียนแพทย์ต่อ
ค.ศ. 1949 เขาแต่งงานกับ Shelagh Cox (ทั้งสองมีบุตรชายด้วยกันสองคนคือ Richard John Barlow เป็นตจแพทย์และ Clifford William Barlow เป็นศัลยแพทย์หัวใจ)
เขาจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1951 และเป็นแพทย์ฝึกหัดที่โรงพยาบาล Baragwanath (ปัจจุบันคือโรงพยาบาล Chris Hani Baragwanath) ใน Soweto ทางตอนใต้ของกรุงโจฮันเนสเบิร์ก เขานั่งเรือไปสอบ MRCP ในปี ค.ศ. 1955 จากนั้นได้เป็น medical registrar ที่โรงพยาบาล Hammersmith และโรงเรียนแพทย์ Royal Postgraduate ในกรุงลอนดอนภายใต้แพทย์ชาวอังกฤษ John McMichael (ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็น Sir) เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เขาสนใจด้านหทัยวิทยา
ปลายทศวรรษ 1950 เขากลับไปเป็น medical registrar ที่โรงพยาบาลโจฮันเนสเบิร์ก เป็นแพทย์ที่ปรึกษาในปี ค.ศ. 1960
ค.ศ. 1961 เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยหทัยวิทยาของมหาวิทยาลัยแห่ง Witwatersrand ด้วยความนับถือต่ออาจารย์ที่ปรึกษาจึงตั้งชื่อห้องปฏิบัติการสวนหัวใจว่า McMichael Cardiac Catheterization Laboratory 
กลุ่มอาการของ mid-systolic click ร่วมกับ systolic murmur มีบรรยายไว้นานแล้วตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1800 เดิมเชื่อกันว่าต้นกำเนิดมาจากนอกหัวใจ แต่ Barlow ค้นพบว่าเกิดจากการกระเพื่อม (billowing) ของลิ้นหัวใจ Mitral  ตอนแรกเขาเสนอบทความงานวิจัยไปที่วารสาร Circulation แต่ไม่ได้รับการตีพิมพ์ Bernard A. Tabatznik อดีตเพื่อนร่วมงานของเขาโน้มน้าวให้ส่งบทความฉบับย่อมาที่วารสาร Maryland State Medical Journal (ซึ่งเพื่อนของเขาเป็น sub-editor อยู่) โดยได้รับการตีพิมพ์ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1963 ต่อมาบทความฉบับสมบูรณ์ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร American Heart Journal ในเดือนตุลาคมปีนั้นเอง
เขาเข้าใจผิดว่าสาเหตุเกิดจาก subvulvular ventricular aneurysm จนกระทั่งได้พบกับแพทย์ชาวอเมริกัน John Michael Criley (เกิด ค.ศ. 1931) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1964 ที่โรงพยาบาลจอนส์ฮอปกินส์ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเกิดจากการยื่น (prolapse) ของลิ้นหัวใจ Mitral ในขณะหัวใจบีบตัวมากกว่า  Barlow ศึกษาเพิ่มเติมจนพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ปัจจุบันโรคนี้รู้จักกันในชื่อ mitral valve prolapse หรือ Barlow’s syndrome
เขาเป็นผู้อำนวยการหน่วยวิจัยหัวใจ-หลอดเลือดในปี ค.ศ. 1970 ซึ่งเป็นแผนกที่พึ่งก่อตั้งใหม่ ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านหทัยวิทยาในปี ค.ศ. 1980 และครองตำแหน่งนี้จนกระทั่งเกษียณในอีก 10 ปีต่อมา
 เขาเสียชีวิตที่กรุงโจฮันเนสเบิร์กเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2008

เอกสารอ้างอิง
                Barlow JP, Pocock WA. The significance of late systolic murmurs and mid-late systolic clicks. Maryland State Med J 1963;12:76-7.
                Barlow JP, Pocock WA, Marchand P, Denny M. The significance of late systolic murmurs. Am Heart J;66:443-52.
Barlow R, Barlow C. John Brereton Barlow. Munk’s Roll. Royal College of Physicians 2009.
Cheng TO. John B. Barlow: Master Clinician and Compleat Cardiologist. Cli Cardiol 2000;23:66-7.