วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
MMM(198) Gray's Anatomy
วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555
MMM(197) Essex-Lopresti fracture
วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555
MMM(196) Lovibond's angle & Schamroth's window test
วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555
MMM(195) Guedel's airway
วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
MMM(194) Harrison's sulcus
วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
MMM(193) Ivemark syndrome
วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
MMM(192) Sister Joseph’s nodule
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
MMM(191) McNEILL-LOVE MEDAL
วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555
MMM(190) Perkins seminar room
วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555
MMM(189) Haagensen's grave signs
Cushman Davis Haagensen (1900-1990)
เกิดวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1900 ที่เมือง
จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนอร์ทดาโคตาและโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด จากนั้นเป็น intern ที่โรงพยาบาลเมืองบอสตันและเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาล
ตอนจบแพทย์ใหม่ ๆ เขาไปเป็นแพทย์ประจำเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้ได้พบกับ Alice Munro Haagensen (1900-2006) บนเรือขณะเธอเดินทางกลับจากยุโรป เมื่อสิ้นสุดการเดินทางทั้งสองก็แต่งงานกัน มีบุตรสาวด้วยกันสองคนคือ Alice Gerard และ Karen Savage ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่
Haagensen ร่วมกับศัลยแพทย์และพยาธิแพทย์ชาวอเมริกัน Arthur Purdy Stout (1885–1967) ทบทวนผลการศึกษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านม 568 รายที่รักษาแบบ radical mastectomy ที่ศูนย์การแพทย์ Columbia Presbyterian ระหว่างปี ค.ศ. 1915-1935 พบกลุ่มอาการแสดงที่ช่วยประเมินว่ามะเร็งเต้านมนั้นไม่สามารถผ่าตัดได้โดยหากผู้ป่วยมีอาการแสดงดังกล่าวจะมี 5 year cure 0% และเสี่ยง local recurrence 50% กลุ่มอาการแสดงนี้รู้จักกันในชื่อ Haagensen's grave signs ประกอบไปด้วย
1. Skin ulceration
2. Fixation of tumor to the chest wall
3. Axillary nodes > 2.5 cm in diameter
4. Edema of < 1/3rd of the skin of breast
5. Presence of fixed axillary nodes
ซึ่งนำไปสู่การตีพิมพ์ Columbia Clinical Classification System ในปี ค.ศ. 1943 (Haagensen CD, Stout AP: Carcinoma of the breast: Criteria of inoperability. Ann Surg 1943; 118: 859–66.)
ค.ศ. 1948 ศูนย์การแพทย์
ค.ศ. 1956 เขาตีพิมพ์ตำรา “Diseases of the Breast” เป็นครั้งแรกซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย (ต่อมามีการปรับปรุงในปี ค.ศ. 1971 และ 1986)
ค.ศ. 1958 เขาได้รับ honorary degree of Dr. of Science จากมหาวิทยาลัยแห่งนอร์ทดาโคตา
ค.ศ. 1966 เขาได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์เกียรติคุณที่ศูนย์การแพทย์ Columbia Presbyterian
ค.ศ. 1968 เขาได้รับรางวัล Ernst W. Bertner Memorial จากศูนย์มะเร็ง MD
ค.ศ. 1989 เขาก่อตั้ง Haagensen Research Foundation เพื่อศึกษาโรคมะเร็งเต้านมโดยเฉพาะ (http://haagensenrf.org)
Haagensen เสียชีวิตที่บ้านจากโรคปอดอักเสบเมื่อวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1990 ด้วยวัย 90 ปี
หลังจากสามีตายภรรยาของเขาก็ขายบ้านแล้วไปอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของบุตรสาว Alice Gerard เป็นเวลา 12 ปีก่อนจะย้ายไปอยู่ที่ Nyack Manor ใน Valley Cottage ต่อมาเธอนอนหลับแล้วเสียชีวิตไปเองในเดือนมกราคม ค.ศ. 2006 ด้วยวัย 105 ปี
Arthur Purdy Stout (1885-1967)
เกิดวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1885 ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป็นบุตรชายคนที่สี่ของ Joseph และ Julia Frances (née Purdy) Stout
หลังจบจากโรงเรียน Pomfret ในปี ค.ศ. 1903 ก็เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเยลและจบ Bachelor of Arts ในปี ค.ศ. 1907 จากนั้นเดินทางไปต่างประเทศหนึ่งปีก่อนจะมาเรียนแพทย์ที่วิทยาลัยแพทย์และศัลยแพทย์ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียโดยจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1912
เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านด้านศัลยกรรมที่โรงพยาบาลโรสเวลต์ในนครนิวยอร์ก ต่อมาได้รับตำแหน่ง Instructor ด้านศัลยกรรมที่วิทยาลัยแพทย์และศัลยแพทย์ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในปี ค.ศ. 1914
ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเขาเป็นศัลยแพทย์สนามในกองทัพบกสหรัฐฯที่ประเทศฝรั่งเศส หลังสิ้นสุดสงครามก็กลับมาทำงานที่เดิมต่อโดยได้รับตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ในปี ค.ศ. 1921 รองศาสตราจารย์ในปี ค.ศ. 1928
แม้จะเทรนมาด้านศัลยกรรมแต่เขาก็สนใจด้านพยาธิวิทยาของสิ่งส่งตรวจทางศัลยกรรมด้วยจนได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการของห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยาทางศัลยกรรมของศูนย์การแพทย์
ค.ศ. 1932 เขาตีพิมพ์ตำราเล่มแรกชื่อ Human Cancer ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้แก่เขา
ค.ศ. 1943 เขานำเสนอ Columbia Clinical Classification System ร่วมกับ Haagensen ดังกล่าวไปแล้ว
ค.ศ. 1947 มีการก่อตั้งชมรมพยาธิแพทย์ด้านศัลยกรรมใช้ชื่อว่า Arthur Purdy Stout Club เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา (ปัจจุบันองค์กรนี้ยังอยู่โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Arthur Purdy Stout Society of Surgical Pathologists)
ค.ศ. 1947 เขาได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านศัลยกรรม นอกจากนี้ในปี ค.ศ. 1950 ยังได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านพยาธิวิทยาอีกด้วย
ค.ศ. 1951 เขาเกษียณจากวิทยาลัยแพทย์และศัลยแพทย์ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (แต่ยังคงทำงานเป็นที่ปรึกษาจนถึงปี ค.ศ. 1954 ในตำแหน่งศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านพยาธิวิทยาทางศัลยกรรม) จากนั้นก็ไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านพยาธิวิทยาของโรงพยาบาล Francis Delafield
ค.ศ. 1955 เขาร่วมกับอายุรแพทย์ชาวอเมริกัน Lemuel Whittington Gorham (1885-1968) นำเสนอบทความเกี่ยวกับโรคของกระดูกที่หายากชนิดหนึ่งซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Gorham’s disease หรือ Gorham-Stout syndrome (Gorham LW, Stout AP. Massive osteolysis (acute spontaneous absorption of bone, phantom bone, disappearing bone): its relation to hemangiomatosis. J Bone Joint Surg [Am] 1955;37-A:985-1004)
Stout เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งต่อมลูกหมากที่นิวยอร์กเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1967 ด้วยวัย 82 ปี